Carro เผยรายได้ทั้งกลุ่ม พุ่ง 2 เท่า บุกไต้หวัน ญี่ปุ่น เปิดบริการใหม่ PDI ตรวจสภาพทุก 7 วัน ปฏิวัติวงการรถยนต์มือสอง


 

Carro เผยรายได้ทั้งกลุ่ม พุ่ง 2 เท่า บุกไต้หวัน ญี่ปุ่นเปิดบริการใหม่ PDI ตรวจสภาพทุก 7 วัน ปฏิวัติวงการรถยนต์มือสอง



คาร์โร ผู้นำด้านการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ยูนิคอร์น รายแรกของตลาดยานยนต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศรายไดของกลุ่ม ปี 2021 - 2022 เติบโตเป็นสองเท่าที่ 464 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมระดมทุนเพิ่มขยายสาขาไปไต้หวันและญี่ปุ่น และพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ปฎิวัติตลาดรถยนต์มือสอง ด้วยการเปิดตัวบริการตรวจสภาพรถก่อนขาย (Pre-Delivery Inspection: PDI) ทุก 7 วัน เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย

แอรอน แทน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคาร์โร เปิดเผยถึงธุรกิจของคาร์โรในตลาดทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของกลุ่มเป็นที่น่าพอใจจากการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองอย่างต่อเนื่อง

“ประเทศไทยสร้างการซื้อ-ขายกว่า 35,000 คันต่อปี ขณะที่อินโดนีเซียมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อปีกว่า 28.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้บริษัทฯ คาดการณ์รายได้จากธุรกิจค้าปลีกออนไลน์และธุรกิจเสริมของทั้งกลุ่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 357.2 ล้านดอลลาร์ ในปีงบการเงิน ปี 2023 นี้ หรือระหว่างเดือนเมษายน ปี 2022 ถึงเดือนมีนาคม ปี 2023 นี้

แอรอน กล่าวเสริมว่า ผลประกอบการที่ดีของทั้งกลุ่มนั้นเป็นผลมากจากความสำเร็จของการโฟกัสที่การขายปลีกผ่านทางช่องทางออนไลน์และการนำเทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้Genie Financial Services บริษัทด้านบริการและเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) ในเครือ ยังมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing loan) ในระดับต่ำมากที่ 0.1% และมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE) ที่ถือว่าสูงมาก ประมาณ 30% ในปีงบประมาณการเงิน ปี 2022 ขณะที่มีมูลค่าสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 285.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา 

ทั้งนี้การระดมทุนตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา คาร์โรได้รับเงินทุนรวมทั้งหมดประมาณ 142.9ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 9 สถาบันการเงิน ล่าสุดคาร์โรได้ขยายธุรกิจเปิดสาขาไปยังประเทศไต้หวันและญี่ปุ่นอีกด้วย

อรรณพ เกษตระทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่อง และความสามารถในการสร้างการซื้อขายได้เกินเป้าถึงกว่า 35,000 คันต่อปี  ส่วนหนึ่งมาจากการที่คาร์โร ประเทศไทยมีการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายศูนย์บริการลูกค้า (Carro Customer Experience Center) และ คาร์โร ออโตมอลล์ (Carro Automall) ไปยังต่างจังหวัด เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองคุณภาพดีให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทย

ในปีนี้ บริษัทฯ ได้เปิดออโตมอลล์เพิ่มอีกหนึ่งสาขา คือ คาร์โร ออโตมอลล์ สาขาชลบุรี(บางแสน) ปัจจุบัน คาร์โรมีศูนย์บริการลูกค้า คาร์โร ออโตมอลล์ และคลังจัดเก็บรถยนต์มือสองขนาดใหญ่รวมกว่า 11 แห่งทั่วประเทศ โดยคาร์โรวางแผนขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกจุดยุทธศาสตร์ ครอบคลุมพื้นที่ที่สำคัญของตลาดรถยนต์มือสองทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่สำคัญของประเทศไทย



วรรษิตรี รุ่งเรืองเนาวรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าการพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้งเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้คาร์โรประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัวบริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนขายแบบละเอียด หรือ Pre-Delivery Inspection (PDI) กับรถทุกคันทุก 7 วัน ทั้งรถที่อยู่ภายในออโตมอลล์และคลังที่จอดรถของคาร์โรโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ

บริการตรวจสภาพรถก่อนขายแบบละเอียดทุก 7 วันถือเป็นการปฏิวัติวงการซื้อขายรถยนต์มือสองเนื่องจากปกติแล้วผู้ขายรถยนต์จะให้บริการตรวจสภาพรถในมาตรฐานนี้เฉพาะเวลาก่อนส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้ซื้อเท่านั้น แต่คาร์โรเห็นความสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจึงเพิ่มบริการในส่วนนี้ขึ้น โดยคาร์โรได้ทดลองระบบให้พร้อมเป็นเวลา 3 เดือนและเริ่มดำเนินการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนขายแบบละเอียด (PDI) ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไปเพื่อให้ลูกค้าของคาร์โรทั่วประเทศวางใจได้ในความเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของเรา วรรษิตรี กล่าว






การตรวจสภาพรถก่อนขายแบบละเอียด หรือ Pre-Delivery Inspection (PDI) ทุก 7 วันนั้น เข้มงวดด้วยมาตรฐานและระบบจัดการเพื่อเป็นการตรวจสภาพรถโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่อ้างอิงจากการตรวจมาตรฐาน 160 จุด ครอบคลุมตั้งแต่ระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบไฟฟ้า สภาพช่วงล่างและยาง เป็นต้น ทั้งการตรวจระดับพื้นฐาน 9 รายการ การตรวจภายนอกระดับพื้นฐาน 26 รายการ การตรวจภายในห้องโดยสาร 32 รายการ การตรวจช่วงล่างและใต้ท้องรถ 4 รายการ และการตรวจด้านความสะอาดตามมาตรฐานทั้งภายนอกและภายในรถอีก 31 รายการ นอกจากนี้คาร์โรยังทำการสุ่มตรวจผลการตรวจสภาพรถทุก2 สัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถทุกคันของคาร์โรจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมให้ลูกค้าของคาร์โรขับขี่ได้อย่างไร้ปัญหาในทันทีที่รับรถ

ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองอย่างสะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% ที่คาร์โร เลือกชมรถยนต์มือสองคุณภาพดีที่มีให้เลือกหลากหลายได้ที่ th.carro.co หรือ โทร. 02-460-9380 หรือผ่านช่องทาง Facebook: Carro Thailand

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

KTC receives the Excellent Organization Award from the National Cyber Security Agency (NCSA) for developing people in cybersecurity.

วิริยะประกันภัยลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงใหม่

วิริยะประกันภัยลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงใหม่