‘พลาสติก’ วัสดุสู้วิกฤตโควิด-19 เคียงข้างบุคลากรทางแพทย์
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ อโควิด-19 (COVID-19) ในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้คนต้องปรับพฤติ กรรมและวิถีชีวิตตัวเองในการรั กษาระยะห่างทางสังคมเพื่ อลดการแพร่ระบาดของเชื้อร้าย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นทั พหน้าในการกำราบโรคระบาดนี้ และยังช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยอย่ างสุดความสามารถ จึงจำเป็นอย่างมากที่บุ คลากรทางการแพทย์ต้องเพิ่ มมาตรการป้องกันการติดเชื้อให้ มากกว่าเดิม และปฎิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่เป็นเสมือนเกราะป้องกั นช่วยดูแลคุณหมอและเหล่าบุ คลากรทางการแพทย์ให้ทำหน้าที่ อย่างไร้กังวลได้ก็คือ “พลาสติก”
90 ปีสายสัมพันธ์ ‘พลาสติก’ กับวงการแพทย์
พลาสติกเริ่มเข้ามาในวงการแพทย์ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นที่ หลากหลายและตอบโจทย์วงการแพทย์ ทั้งในด้านความแข็งแรง ทนทานและเหนียว แตกหักได้น้อยกว่าแก้วหรื อเซรามิก อีกทั้งยังป้องกันของเหลวซึมผ่ านได้ดี มีน้ำหนักเบา ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการใช้อุ ปกรณ์ต่าง ๆ เป็นเวลานานต่อเนื่อง จึงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ ใช้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พลาสติกยังสามารถขึ้นรูปเป็นชิ้ นงานที่มีความซับซ้อนได้ด้วยต้ นทุนที่ไม่สูง และที่สำคัญคือ ทนต่อสารเคมีและผ่านกระบวนการฆ่ าเชื้อด้วยรังสีได้โดยไม่เกิ ดการกัดกร่อนเหมือนโลหะ รวมถึงสามารถสังเคราะห์และใส่ สารเติมแต่งเพื่อปรับแต่งคุ ณสมบัติได้ตามความต้องการ
ในวงการแพทย์ พลาสติกจึงเข้ามาทดแทนวัสดุ ประเภทอื่น ๆ อย่างโลหะ เซรามิก และแก้ว ได้อย่างมีประสิทธิภาพในราคาที่ ถูกลง และกลายเป็นวัสดุสำคัญในการผลิ ตเครื่องมือทางการแพทย์ต่าง ๆ ทั้งแบบที่มีความซับซ้อนสูง และอุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเทียม เครื่องมือผ่าตัด ไหมเย็บ ถุงบรรจุเลือด ท่อดูด ไปจนถึงถุงมือผ่าตัด และหลอดฉีดยา ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการรั กษาได้ทั่วถึงมากขึ้น เนื่องจากสามารถขนส่งได้ สะดวกไปยังที่ห่างไกลได้โดยไม่ แตกหักเสียหายระหว่างการเดินทาง
อุปกรณ์ป้องกันตนเองทางการแพทย์ หรือ Personal Protective Equipment (PPE) ล้วนมีพลาสติกเป็นองค์ประกอบหลั กเช่นเดียวกัน โดยอาศัยคุณสมบัติที่แตกต่างกั นของพลาสติกแต่ละประเภท และที่สำคัญคือสามารถป้องกั นของเหลวซึมผ่านได้เป็นอย่างดี
หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากาก N95 ต่างมีวัตถุดิบหลักเป็นเส้นใยสั งเคราะห์จากพลาสติกประเภทพอลิ โพรพิลีน (PP) มีความต่อเนื่องของเส้ นใยและสามารถควบคุมช่องว่างได้ ดี ตัวหน้ากากมีหลายชั้น ซึ่งพลาสติกในแต่ละชั้นมีหน้าที่ แตกต่างกันออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติ ดเชื้อจากการสูดละอองได้อย่ างเต็มประสิทธิภาพ
แว่นครอบตา (Goggles) และกระบังป้องกันใบหน้า (Face Shield) เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันใบหน้ าและดวงตาจากละอองสารคัดหลั่ งระหว่างทำหัตถการหรือใกล้ชิดผู้ ป่วย ส่วนมากผลิตจากพลาสติ กประเภทพอลิคาร์บอเนต (PC) เพื่อความแข็งแรงทนทาน ทนรอยขีดข่วน แต่ยังมีความใส และน้ำหนักเบา เพื่อความสบายในการสวมใส่
ชุดหมี (Coverall) และชุดกาวน์ (Medical Gown) ช่วยป้องกันผู้สวมใส่ จากของเหลวหรือของแข็งที่ติดเชื้ อ รวมถึงการซึมผ่านของสารเคมี และเชื้อโรคต่าง ๆ ตั้งแต่ศีรษะและลำตัวไปจนถึงข้ อมือและข้อเท้า ชุดหมีทำจากเส้นใยพลาสติ กประเภทพอลิโพรพิลีน (PP) และเคลือบด้วยสารกันน้ำ จึงกันน้ำ และระบายอากาศได้ ส่วนชุดกาวน์ซึ่งใช้สวมทับชุ ดหมีนั้น ทำจากพลาสติกพอลิเอทิลี นความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น (LLDPE) ที่มีเนื้อนิ่มแต่เหนียว ชุดจึงแนบไปกับลำตัวโดยไม่พอง และไม่มีเสียงก๊อบแก๊บเวลาขยั บตัว อีกทั้งยังสามารถระบายอากาศได้ ดีอีกด้วย
เมื่อใช้งานอุปกรณ์ PPE เหล่านี้เสร็จแล้ว จะต้องมีการถอดอย่างถูกวิธี เพื่อเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ และจะต้องนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งอุปกรณ์ส่วนมากจะเป็นแบบใช้ ครั้งเดียวทิ้ง จึงจำเป็นต้องมีสำรองไว้ใช้ ในโรงพยาบาลให้มากพอกับความต้ องการที่อาจเพิ่มขึ้นตามปริ มาณผู้ติดเชื้อ
ในประเทศไทย มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้ อไปแล้วถึง 103 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 26 เมษายน 2563) ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากการดู แลรักษาผู้ป่วยถึง 28 คน และอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถระบุ สาเหตุและที่มาของการติดเชื้ อได้ หรือการที่ต้องสัมผัสกับผู้ติ ดเชื้อโดยไม่รู้ตัวในขณะที่ไม่ ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างเต็ มยศ
นวัตกรรมช่วยดูแลแพทย์ ในวันที่แพทย์ดูแลเรา
ด้วยตระหนักถึงอันตราย ความยากลำบาก และความเสียสละของบุ คลากรทางการแพทย์ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี จึงมีแนวคิดที่จะสร้างเกราะคุ้ มกันให้บุคลากรทางการแพทย์ ปลอดภัยจากการติดเชื้อ โดยนำความเชี่ยวชาญทั้งในด้านวั สดุพลาสติก วิศวกรรมศาสตร์ และการออกแบบนวัตกรรม ผสมผสานกับความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของที มแพทย์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ช่ วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้ อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเน้นไปที่การป้องกันการฟุ้ งกระจายของเชื้อจากผู้ป่วย และทำให้นวัตกรรมนี้สามารถเข้ าถึงได้ในทุกพื้นที่แม้ในที่ห่ างไกล จึงเป็นที่มาของ “นวัตกรรมป้องกันโควิด-19 แบบเคลื่อนที่ หรือ Mobile Isolation Unit” ที่นอกเหนื อจากความสะดวกในการขนส่ง ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบาแล้ว ยังช่วยลดภาระในการจั ดหาและสวมใส่ PPE ได้เป็นจำนวนมาก แพทย์สามารถทำงานได้อย่างอุ่ นใจและคล่องตัว แม้ต้องเผชิญหน้ากับศึกใหญ่
“อุ่นใจ” แม้ต้องสัมผัสผู้ป่วย
ในขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรค บุคลากรทางการแพทย์มีโอกาสได้รั บเชื้อผ่านการทำหัตถการ (Swab) เอสซีจีจึงได้ออกแบบนวัตกรรม “ห้องตรวจเชื้อความดันลบหรื อบวกแบบเคลื่อนที่ (Negative/Positive Pressure Isolation Chamber)” เพื่อแยกบุคลากรทางการแพทย์ ออกจากคนไข้ โดยมีลักษณะเป็ นทรงกระบอกขนาดเล็กสำหรับคน 1 คน มีช่องให้สอดมือเพื่อตรวจคนไข้ ได้อย่างสะดวก สามารถมองเห็นและติดต่อสื่ อสารกันได้
เช่นเดียวกันกับ “ห้องแยกป้องกันเชื้อความดั นลบแบบเคลื่อนที่ (Negative Pressure Isolation Room)” ที่มีลักษณะคล้ายเต็นท์ เหมาะสำหรับจัดวางในพื้นที่ที่ ต้องการควบคุมการฟุ้ งกระจายของเชื้อโรค เช่น ห้องฉุกเฉิน ห้องไอซียู และห้องพักผู้ป่วยทั่วไป ออกแบบให้ติดตั้งรื้อถอนได้ง่าย สามารถเปลี่ยนที่ติดตั้งได้ ตามต้องการ เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อที่ อาจเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มั่นใจ” ทุกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มี โอกาสเสี่ยงที่เชื้อจะฟุ้ งกระจายในอากาศสูง อาจแพร่เชื้อไปยังคนไข้คนอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณที่เคลื่อนย้ ายผ่าน จึงเป็นที่มาของ “แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่ วยความดันลบ (Patient Isolation Capsule)” ที่ช่วยป้องกันการแพร่ กระจายของเชื้อระหว่างการเคลื่ อนย้ายผู้ป่วย ออกแบบมาให้มีขนาดพอดีกับผู้ป่ วย 1 คน และสามารถต่อโต๊ะวางอุปกรณ์ ทางการแพทย์ได้ นอกจากนี้ ยังมี “แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่ วยความดันลบขนาดเล็ก สำหรับเข้าเครื่อง CT Scan (Small Patient Isolation Capsule for CT scan)” ที่ออกแบบให้โครงสร้างช่วงบนไม่ มีส่วนประกอบของโลหะ โดยอาศัยความแข็งแรงและมีน้ำหนั กเบาของพลาสวูดมาทดแทน จึงสามารถนำเข้าเครื่อง CT Scan ได้ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น สามารถปรับให้ผู้ป่วยอยู่ในท่ านั่งหรือนอน และใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยในรถฉุ กเฉินได้
นวัตกรรมพลาสติก สู้วิกฤตโควิด-19 (COVID-19)
นวัตกรรมเพื่อการแพทย์จากเอสซี จีทุกชิ้น ออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานจริ งและผ่านการทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ ยวชาญ โดยเลือกใช้วัสดุหลักเป็นพลาสติ กประเภทพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ทั้งแบบใสและแบบผ้าใบ เพื่อให้สามารถมองเห็นทะลุผ่ านได้อย่างชัดเจนและไม่มี แสงสะท้อน อีกทั้งยั งสามารถนำไปทำความสะอาดด้วยวิธี การฆ่าเชื้อของโรงพยาบาลได้ด้วย จึงสามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง
จะเห็นได้ว่า พลาสติกอยู่เคียงข้างกับบุ คลากรทางการแพทย์เสมอมา แม้ในวิกฤตโควิด-19 (COVID-19) ก็เช่นกัน พลาสติกได้รับมอบหมายหน้าที่ สำคัญในการปกป้องทีมแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกั นการแพร่กระจายของเชื้อ โดยอาศัยคุณสมบัติพิ เศษของพลาสติกที่โดดเด่นกว่าวั สดุชนิดอื่น การเดินหน้าด้านงานวิจัยและพั ฒนาเพื่อให้ได้นวัตกรรมพลาสติ กที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวั ตกรรมพลาสติกเพื่อการแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าในศึกครั้งหน้ า เราจะมีอาวุธที่ทรงประสิทธิ ภาพไว้ดูแลปกป้องทุกคน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น